ในช่วงที่อากาศร้อนจัด โรคลมแดด (Heatstroke) เป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ได้ออกมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการลดความเสี่ยงและการดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคนี้
โรคลมแดดเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนระบบระบายความร้อนของร่างกายไม่สามารถทำงานได้ทัน ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความสามารถในการปรับอุณหภูมิร่างกายลดลงตามวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือไม่สามารถดูแลตนเองได้
เกณฑ์การวินิจฉัยโรคลมแดดประกอบด้วย:
- อุณหภูมิร่างกายสูงตั้งแต่ 40.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป โดยอาจไม่มีเหงื่อหรือมีเหงื่อออกแต่ตัวเย็น
- อาการผิดปกติทางสมอง เช่น สับสน เพ้อ เวียนศีรษะ ตอบสนองช้า หรือชัก
- อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัดหรือออกกำลังกายหนัก
- กระหายน้ำอย่างมาก
เพื่อลดความเสี่ยง กรมการแพทย์แนะนำ 7 วิธีสำหรับผู้สูงอายุ ดังนี้:
- หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด
- สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
- อยู่ในที่มีพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ
- อาบน้ำเย็นบ่อยๆ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ (น้ำเปล่า น้ำผัก ผลไม้ หรือน้ำเกลือแร่กรณีเสียเหงื่อมาก)
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
- ลดการออกกำลังกายหรือทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน
ในกรณีที่พบผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคลมแดด การปฐมพยาบาลเบื้องต้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง ควรทำดังนี้:
- เคลื่อนย้ายผู้ป่วยเข้าที่ร่ม
- จัดให้ผู้ป่วยนอนหงาย
- ถอดเสื้อผ้าออก
- ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามข้อพับ รักแร้ และขาหนีบ
- ใช้พัดลมช่วยระบายความร้อน
- รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
การตระหนักถึงความเสี่ยงและการปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคลมแดดในผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม หากสังเกตเห็นอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต




