เข้าใจและรับมือกับภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout Syndrome)

ภาวะหมดไฟในการทำงาน หรือ Burnout Syndrome เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในชีวิตการทำงานปัจจุบัน แม้จะไม่ใช่โรคซึมเศร้าโดยตรง แต่เป็นภาวะที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจอันเนื่องมาจากความเครียดเรื้อรังในการทำงาน ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพในการทำงานอย่างมาก
อาการของภาวะหมดไฟ:
- รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ
- ขาดแรงจูงใจในการทำงาน
- ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
- รู้สึกแยกตัวจากงานและเพื่อนร่วมงาน
- มีทัศนคติเชิงลบต่องานและสภาพแวดล้อมการทำงาน
6 วิธีดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อเผชิญกับภาวะหมดไฟ:
- แบ่งงานเป็นส่วนย่อย: การแบ่งงานใหญ่ออกเป็นส่วนย่อยๆ จะช่วยให้รู้สึกว่างานนั้นจัดการได้และไม่น่ากลัวจนเกินไป
- สร้างความคิดเชิงบวก: ใช้เวลาว่างคิดถึงสิ่งดีๆ ในชีวิต เพื่อสร้างสมดุลทางอารมณ์และจิตใจ
- ท้าทายความคิดตัวเอง: สร้างความเชื่อมั่นว่าตนเองสามารถทำได้ เปลี่ยนมุมมองจากความยากลำบากเป็นความท้าทาย
- เพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกาย: การออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้นช่วยเผาผลาญพลังงานลบในสมองและกระตุ้นการหลั่งสารเคมีที่ทำให้อารมณ์ดีขึ้น
- วางแผนล่วงหน้า: จัดทำรายการสิ่งที่ต้องทำ วางแผนการเดินทาง และเตรียมสิ่งของที่จำเป็น เพื่อลดความวิตกกังวลและสร้างความรู้สึกควบคุมสถานการณ์ได้
- พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ: แบ่งปันความรู้สึกกับเพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจ หรือโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323
ข้อควรระวัง: หากพบว่าตนเองเริ่มมีอาการเศร้า หดหู่ เบื่อหน่ายสิ่งรอบตัว รู้สึกทุกข์ทรมานกับการใช้ชีวิต หรือมีความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตโดยเร็ว เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของภาวะซึมเศร้าที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
การรับมือกับภาวะหมดไฟเป็นทักษะสำคัญในการทำงานยุคปัจจุบัน การตระหนักรู้ถึงสัญญาณเตือนและมีวิธีจัดการที่เหมาะสมจะช่วยให้เราสามารถรักษาสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและสุขภาพจิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าลืมว่าการดูแลสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้การดูแลสุขภาพกาย และไม่ควรลังเลที่จะขอความช่วยเหลือเมื่อรู้สึกว่าไม่สามารถจัดการกับปัญหาได้ด้วยตนเอง
ด้วยความปรารถนาดี หวังให้ทุกท่านมีสุขภาพจิต สุขภาพร่างกายแข็งแรง
โรงพยาบาลเขาฉกรรจ์



