โรงพยาบาลเขาฉกรรจ์ จะดำเนินการปรับปรุงอาคารผู้ป่วยในตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2568 จนกว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์จึงขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้
จันทร์-ศุกร์8.00 น. - 16.00 น.โทร037 561 103
Latest news
โรงพยาบาลเขาฉกรรจ์ เปิดรับสมัครงาน ตำแหน่ง พนักงานบริการ (เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย) ติดต่อ กลุ่มงานบริหารทั่วไป งานบุคลากร ชั้น 2 ตึกผู้ป่วยนอก หรือ สอบถามโทร 0 3756 1102-5 ต่อ 20
จังหวัดสระแก้ว เตรียมรับนายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมโครงการยกระดับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชฯ เฉลิมพระเกียรติฯ และติดตามการดำเนินงานสาธารณสุขในพื้นที่
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติภารกิจจังหวัดสระแก้ว พร้อมนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดโครงการยกระดับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชฯ เฉลิมพระเกียรติฯ ณ ศูนย์สุขภาพเขตเมือง พร้อมทั้งเยี่ยมชมสถานีสุขภาพบ้านโนน ตำบลบ้านแก้ง
12 กรกฎาคม 67 นายแพทย์ธราพงษ์ กัปโก นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะ มีกำหนดการลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดสระแก้ว โดยนายกรัฐมนตรีจะมาเป็นประธานพิธีเปิดโครงการยกระดับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช โรงพยาบาลชุมชนเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลชัยพัฒน์ และหน่วยบริการปฐมภูมิ 72 แห่ง ณ ศูนย์สุขภาพชุมชนเขตเมือง อ.เมืองสระแก้ว
สำหรับรายละเอียดกำหนดการ เวลา 13.50 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร กองบิน 3 อำเภอวัฒนานคร จากนั้นเดินทางไปยังศูนย์สุขภาพเขตเมือง ถนนเทศบาล 19 ต.สระแก้ว อ.เมืองสระแก้ว เพื่อมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์สนับสนุนการดำเนินงานระบบการแพทย์ปฐมภูมิหรือทีมหมอครอบครัวสู่ SMART PCC โดยนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาใช้ เพื่อให้เกิดความสะดวกในการบริการทางสุขภาพ ช่วยให้ลดขั้นตอน รวดเร็ว ประหยัดเวลา แม่นยำ ตามโครงการยกระดับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชฯ หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานพิธีเปิดโครงการยกระดับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช โรงพยาบาลชุมชนเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลชัยพัฒน์ และหน่วยบริการปฐมภูมิ 72 แห่ง ณ ศูนย์สุขภาพเขตเมือง โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ก่อนเยี่ยมชมการยกระดับบริการคลินิกหมอครอบครัว ตั้งแต่เครื่องให้บริการแบบอัตโนมัติ การตรวจคัดกรองสุขภาพจิต การตรวจจอประสาทตาในผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและชมการให้บริการแพทย์ทางไกลหรือ Telemedicine ผ่านช่องทางออนไลน์ไปยังเรือนจำจังหวัดสระแก้วตามโครงการราชทัณฑ์ปันสุข และไปยังสถานีสุขภาพ บ้านโนน ตำบลบ้านแก้ง
หลังจากนั้น เวลา 15.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและคณะ จะเดินทางไปยังวัดรีนิมิตร หมู่ 5 ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว เพื่อพบปะประชาชนและเยี่ยมชมการดำเนินงานสถานีสุขภาพบ้านโนน ซึ่งอยู่ข้างวัดรีนิมิตร ภายในบริเวณงานนายกรัฐมนตรีจะเยี่ยมชมบูธนิทรรศการการขับเคลื่อนชุมชน Healthy Cities MODELs “เมืองสุขภาพดีวิถีชุมชน คนอายุยืน” ด้วย 7ดี ประกอบด้วย กินดี อยู่ดี อารมณ์ดี สติปัญญาดี สังคมดี สิ่งแวดล้อมดี ระบบบริการสุขภาพดี ชมบูธบริการส่งยาถึงบ้าน (Health Rider) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวตามนโยบายรัฐบาล และชมของดีอำเภอเมืองสระแก้วและของดีตำบลบ้านแก้ง ก่อนที่จะเดินทางกลับเวลา 16.00 น.
สำหรับ สถานีสุขภาพ (Health Station) เป็นสถานที่สำหรับให้บริการตรวจสุขภาพด้วยตนเองของประชาชนทุกกลุ่มวัย เข้ารับบริการได้สะดวก และเป็นช่องทางในการสื่อสารความเสี่ยงผ่านแพลตฟอร์มดิจิตอล เช่น การวัดความดันโลหิต การเจาะน้ำตาลในเลือด การชั่งน้ำหนัก วัดรอบเอว การวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด ตลอดจนรับทราบความรู้สุขภาพ เพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม บางแห่งมีระบบการรักษาโรคเบื้องต้นโดยการแพทย์ทางไกล และรับยาโรคเรื้อรังต่อเนื่องในผู้ป่วยที่อาการคงที่ ในปี 2566 จังหวัดสระแก้วมีนโยบายขยายพื้นที่ดำเนินการเป็น 1 ตำบล 1 สถานีสุขภาพ ปัจจุบันจังหวัดสระแก้วมีสถานีสุขภาพทั้งสิ้น 340 สถานี
โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs (Non-Communicable Diseases) เป็นกลุ่มโรคที่กำลังเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย โรคเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ แต่มักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้แนะนำ 6 วิธีง่ายๆ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค NCDs ดังนี้:
- ขยับร่างกายบ่อยๆ โดยเฉพาะผู้ที่นั่งนานๆ การนั่งทำงานหรือใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ควรหาโอกาสลุกขึ้นยืด-เหยียดร่างกาย หรือเดินไปมาทุกๆ ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดความเสี่ยงของโรคที่เกิดจากการนั่งนานๆ
- เลี่ยงอาหารหวาน มัน เค็ม เพิ่มผักและผลไม้ ลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาล ไขมัน และเกลือสูง แทนที่ด้วยผักและผลไม้ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การปรับเปลี่ยนนิสัยการกินเช่นนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ
- พักผ่อนให้เพียงพอ วันละ 7 – 8 ชั่วโมง การนอนหลับที่เพียงพอมีความสำคัญต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ช่วยให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ลดความเครียด และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ควรพยายามนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อคืนอย่างสม่ำเสมอ
- ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย ด้วยการทำกิจกรรมที่ชอบ ความเครียดเรื้อรังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรค NCDs หลายชนิด การหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด เช่น การอ่านหนังสือ ฟังเพลง ทำสมาธิ หรืองานอดิเรกต่างๆ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเหล่านี้ได้
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 150 นาที การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายและจิตใจ ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูง ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิกปานกลางอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือออกกำลังกายแบบหนัก 75 นาทีต่อสัปดาห์
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรค NCDs หลายชนิด รวมถึงโรคตับ โรคหัวใจ และมะเร็งหลายชนิด การลด ละ เลิก พฤติกรรมเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคดังกล่าวได้อย่างมาก
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามคำแนะนำเหล่านี้อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากทำได้อย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรค NCDs และนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว การเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนทีละเล็กละน้อยและค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นขึ้น จะช่วยให้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นไปอย่างยั่งยืน
ที่มา: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) : ThaiHealth
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 งานการพยาบาลผู้คลอด กลุ่มงานการพยาบาล โรงพยาบาลเขาฉกรรจ์ ได้จัดการอบรมทบทวนทักษะการช่วยคลอดฉุกเฉินให้แก่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในเครือข่ายของโรงพยาบาลเขาฉกรรจ์ โดยมีนายแพทย์อภิเดช ชีวะประเสริฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเขาฉกรรจ์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม ณ ห้องประชุมโรงพยาบาลเขาฉกรรจ์
วัตถุประสงค์ของการจัดอบรมครั้งนี้ คือการพัฒนาระบบและกลไกสร้างเครือข่ายความร่วมมือในระบบบริการพยาบาล โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างความรู้และทักษะในการช่วยคลอดฉุกเฉินให้แก่บุคลากรสาธารณสุขในระดับปฐมภูมิ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ห่างไกล
การอบรมครั้งนี้ครอบคลุมหัวข้อสำคัญ ดังนี้:
- การประเมินสถานการณ์คลอดฉุกเฉิน
- เทคนิคการช่วยคลอดในภาวะฉุกเฉิน
- การดูแลมารดาและทารกหลังคลอดฉุกเฉิน
- การส่งต่อผู้ป่วยอย่างปลอดภัย
- การฝึกปฏิบัติจากสถานการณ์จำลอง
นายแพทย์อภิเดช ชีวะประเสริฐ ได้เล็งเห็นว่าการอบรมครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบบริการสุขภาพในระดับชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การที่บุคลากรของ รพ.สต. มีความพร้อมและทักษะในการช่วยคลอดฉุกเฉิน จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับทั้งมารดาและทารก
การอบรมครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับมาตรฐานการให้บริการด้านสูติกรรมในระดับปฐมภูมิเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลเขาฉกรรจ์และ รพ.สต. ในพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาระบบสาธารณสุขในภาพรวมของอำเภอเขาฉกรรจ์
ผู้เข้าร่วมอบรมแสดงความพึงพอใจและกล่าวว่าได้รับความรู้และประสบการณ์ที่มีค่า ซึ่งจะนำไปใช้ในการปฏิบัติงานจริงได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
โรงพยาบาลเขาฉกรรจ์มีแผนที่จะจัดการอบรมในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ และยกระดับคุณภาพการให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนในอำเภอเขาฉกรรจ์และพื้นที่ใกล้เคียงต่อไป
ในช่วงที่เกิดน้ำท่วม นอกจากความเสียหายต่อทรัพย์สินและการดำรงชีวิตแล้ว ยังมีอันตรายร้ายแรงที่แฝงตัวมากับน้ำ นั่นคือ กระแสไฟฟ้า โดยเฉพาะในบริเวณที่มีแนวสายไฟจมอยู่ใต้น้ำ ซึ่งเป็นภัยเงียบที่ทุกคนควรตระหนักและระมัดระวังอย่างยิ่ง
สาเหตุของอันตรายจากกระแสไฟฟ้าในน้ำท่วม:
- สายไฟฟ้าที่ขาดหรือชำรุดจมอยู่ใต้น้ำ
- อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ยังเสียบปลั๊กอยู่ถูกน้ำท่วม
- เสาไฟฟ้าที่โค่นล้มหรือเอนเอียงลงในน้ำ
- ตู้ควบคุมไฟฟ้าที่ถูกน้ำท่วม
ผลกระทบและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น:
- ไฟฟ้าดูด ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
- แผลไหม้จากกระแสไฟฟ้า
- กล้ามเนื้อหดเกร็ง ทำให้จมน้ำได้
- ระบบประสาทและหัวใจทำงานผิดปกติ
วิธีป้องกันและรับมือกับอันตรายจากไฟฟ้าในน้ำท่วม:
- หลีกเลี่ยงการลุยน้ำในพื้นที่ที่มีสายไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า
- ตัดกระแสไฟฟ้าในบ้านหรืออาคารที่ถูกน้ำท่วม
- ไม่ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าใดๆ ที่เปียกน้ำหรืออยู่ในบริเวณน้ำท่วม
- สวมรองเท้าบูทยางหรือรองเท้าที่เป็นฉนวนไฟฟ้าเมื่อต้องเดินในน้ำ
- ใช้ไฟฉายหรือไฟส่องสว่างที่ใช้แบตเตอรี่แทนอุปกรณ์ไฟฟ้า
- แจ้งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าทันทีหากพบสายไฟขาดหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่อาจเป็นอันตราย
- อย่าพยายามซ่อมแซมระบบไฟฟ้าด้วยตนเอง ให้รอช่างผู้เชี่ยวชาญ
การปฐมพยาบาลผู้ถูกไฟฟ้าดูดในน้ำท่วม:
- อย่าลงไปในน้ำเพื่อช่วยเหลือโดยตรง เพราะอาจถูกไฟดูดด้วย
- ตัดกระแสไฟฟ้าทันทีหากทำได้
- ใช้วัสดุที่เป็นฉนวนไฟฟ้า เช่น ไม้แห้ง หรือเชือกเพื่อดึงผู้ประสบภัยออกจากน้ำ
- เมื่อนำผู้ประสบภัยขึ้นมาแล้ว ให้ตรวจสอบการหายใจและการเต้นของหัวใจ
- ทำ CPR หากจำเป็น และรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
การตระหนักถึงอันตรายจากกระแสไฟฟ้าในน้ำท่วมเป็นสิ่งสำคัญที่อาจช่วยรักษาชีวิตของคุณและคนรอบข้างได้ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด และไม่ประมาทในการเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีแนวสายไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า การระมัดระวังและการเตรียมพร้อมจะช่วยให้คุณและครอบครัวปลอดภัยจากภัยไฟฟ้าในช่วงวิกฤตน้ำท่วมได้
ด้วยความปรารถนาดี…..
โรงพยาบาลเขาฉกรรจ์
โรงพยาบาลเขาฉกรรจ์มีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า เราได้เปิดให้บริการทันตกรรมนอกเวลาราชการ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ไม่สามารถมารับบริการในเวลาราชการปกติได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้:
เวลาให้บริการ:
- ทุกวันจันทร์และวันพุธ
- เวลา 16.30 – 20.30 น.
สิทธิการรักษาและการเบิกค่ารักษา:
- สิทธิที่สามารถเบิกค่ารักษานอกเวลาราชการได้:
- สิทธิเบิกตรงกรมบัญชีกลาง
- สิทธิองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
- สิทธิประกันสังคม (เบิกได้ไม่เกิน 900 บาท)
- สิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง):
- ไม่สามารถเบิกค่ารักษาได้
- ผู้ป่วยต้องชำระเงินเองทั้งค่ารักษาและค่าบริการนอกเวลาราชการ
- ค่าบริการนอกเวลาราชการ 100 บาท
บริการที่สามารถนัดออนไลน์ได้:
- ตรวจฟัน
- ถอนฟัน
- อุดฟัน
- ขูดหินน้ำลาย
ขั้นตอนการเข้ารับบริการ:
- ยื่นบัตรประชาชนพร้อมจองคิวผ่านระบบคิวพร้อมที่ห้องเวชระเบียน
- มาถึงแผนกทันตกรรมก่อนเวลานัด 15 นาที เพื่อพักและวัดความดันโลหิตก่อนทำหัตถการ
- เวลานัดเป็นเวลาโดยประมาณ อาจต้องรอคิวขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ป่วยในแต่ละวัน
- ไม่สามารถแก้ไขนัดที่ยืนยันแล้ว หากต้องการเปลี่ยนแปลง ให้โทร 037-561-103 ต่อ 17 เพื่อยกเลิกนัดเดิมและทำการนัดใหม่
หมายเหตุสำคัญ:
- หากพบปัญหาในการจองหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ 037-561-103 ต่อ 17
การเปิดให้บริการทันตกรรมนอกเวลาราชการนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทันตกรรมสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดด้านเวลา โรงพยาบาลเขาฉกรรจ์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบริการนี้จะเป็นประโยชน์และตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ เราขอความร่วมมือผู้รับบริการในการปฏิบัติตามขั้นตอนและระเบียบที่กำหนดไว้ เพื่อให้การให้บริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่าย หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ให้ไว้
ภาวะหมดไฟในการทำงาน หรือ Burnout Syndrome เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในชีวิตการทำงานปัจจุบัน แม้จะไม่ใช่โรคซึมเศร้าโดยตรง แต่เป็นภาวะที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจอันเนื่องมาจากความเครียดเรื้อรังในการทำงาน ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพในการทำงานอย่างมาก
อาการของภาวะหมดไฟ:
- รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ
- ขาดแรงจูงใจในการทำงาน
- ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
- รู้สึกแยกตัวจากงานและเพื่อนร่วมงาน
- มีทัศนคติเชิงลบต่องานและสภาพแวดล้อมการทำงาน
6 วิธีดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อเผชิญกับภาวะหมดไฟ:
- แบ่งงานเป็นส่วนย่อย: การแบ่งงานใหญ่ออกเป็นส่วนย่อยๆ จะช่วยให้รู้สึกว่างานนั้นจัดการได้และไม่น่ากลัวจนเกินไป
- สร้างความคิดเชิงบวก: ใช้เวลาว่างคิดถึงสิ่งดีๆ ในชีวิต เพื่อสร้างสมดุลทางอารมณ์และจิตใจ
- ท้าทายความคิดตัวเอง: สร้างความเชื่อมั่นว่าตนเองสามารถทำได้ เปลี่ยนมุมมองจากความยากลำบากเป็นความท้าทาย
- เพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกาย: การออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้นช่วยเผาผลาญพลังงานลบในสมองและกระตุ้นการหลั่งสารเคมีที่ทำให้อารมณ์ดีขึ้น
- วางแผนล่วงหน้า: จัดทำรายการสิ่งที่ต้องทำ วางแผนการเดินทาง และเตรียมสิ่งของที่จำเป็น เพื่อลดความวิตกกังวลและสร้างความรู้สึกควบคุมสถานการณ์ได้
- พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ: แบ่งปันความรู้สึกกับเพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจ หรือโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323
ข้อควรระวัง: หากพบว่าตนเองเริ่มมีอาการเศร้า หดหู่ เบื่อหน่ายสิ่งรอบตัว รู้สึกทุกข์ทรมานกับการใช้ชีวิต หรือมีความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตโดยเร็ว เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของภาวะซึมเศร้าที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
การรับมือกับภาวะหมดไฟเป็นทักษะสำคัญในการทำงานยุคปัจจุบัน การตระหนักรู้ถึงสัญญาณเตือนและมีวิธีจัดการที่เหมาะสมจะช่วยให้เราสามารถรักษาสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและสุขภาพจิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าลืมว่าการดูแลสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้การดูแลสุขภาพกาย และไม่ควรลังเลที่จะขอความช่วยเหลือเมื่อรู้สึกว่าไม่สามารถจัดการกับปัญหาได้ด้วยตนเอง
ด้วยความปรารถนาดี หวังให้ทุกท่านมีสุขภาพจิต สุขภาพร่างกายแข็งแรง
โรงพยาบาลเขาฉกรรจ์
ในช่วงฤดูฝนและน้ำท่วม นอกจากความเสียหายต่อทรัพย์สินแล้ว ยังมีภัยสุขภาพที่แฝงมากับน้ำท่วมขัง ซึ่งประชาชนควรระมัดระวังและป้องกันตนเอง กรมอนามัยได้แนะนำ 5 ภัยสุขภาพสำคัญและวิธีป้องกัน ดังนี้:
- โรคฉี่หนู
- หลีกเลี่ยงการลุยน้ำท่วมขัง
- ปิดแผลด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ
- ผึ่งรองเท้าและถุงเท้าให้แห้งเพื่อป้องกันเชื้อรา
- หลังลุยน้ำ ให้รีบล้างเท้าและเช็ดให้แห้งสนิททันที
- โรคน้ำกัดเท้า
- ใช้วิธีป้องกันเช่นเดียวกับโรคฉี่หนู
- หลีกเลี่ยงการลุยน้ำนาน ๆ
- สวมรองเท้าบูทหรือรองเท้ากันน้ำเมื่อจำเป็นต้องลุยน้ำ
- โรคตาแดง
- หากน้ำกระเด็นเข้าตา อย่าขยี้ตา ให้รีบล้างตาด้วยน้ำสะอาด
- ล้างมือให้สะอาดหลังสัมผัสน้ำท่วมขัง
- หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสดวงตา
- หากเป็นโรคตาแดง ไม่ควรใช้อุปกรณ์ของใช้ร่วมกับผู้อื่น
- โรคอุจจาระร่วง
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่น รสชาติผิดปกติ หรือเน่าเสีย
- ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
- เก็บอาหารให้มิดชิด ป้องกันแมลงวัน แมลงสาบ หรือหนู
- แมลงและสัตว์มีพิษกัดต่อย
- รื้อและจัดระเบียบสิ่งของที่กองสุมภายในบ้าน เพื่อป้องกันสัตว์มีพิษที่อาจมาหลบซ่อน
- ทำความสะอาดบ้านให้เป็นระเบียบ ไม่อับชื้น
- เคาะรองเท้าทุกครั้งก่อนสวมใส่ เผื่อมีสัตว์มีพิษซ่อนอยู่
ข้อแนะนำทั่วไปในช่วงน้ำท่วม:
- หลีกเลี่ยงการลุยน้ำท่วมขังโดยไม่จำเป็น
- ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่และสะอาด
- หมั่นล้างมือและเท้าให้สะอาดอยู่เสมอ
- สังเกตอาการผิดปกติของตนเองและคนในครอบครัว หากมีอาการน่าสงสัยให้รีบพบแพทย์
การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยในช่วงน้ำท่วม และรักษาสุขภาพของตนเองและครอบครัวให้ปลอดภัย
ข้อมูลโดย: กองอนามัยฉุกเฉิน กรมอนามัย
ท่านสามารถติดตามข้อมูลสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กรมอนามัย และเว็บไซต์ https://multimedia.anamai.moph.go.th/
ด้วยความปรารถนาดี หวังให้ประชาชนทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากภัยสุขภาพในช่วงน้ำท่วม
โรงพยาบาลเขาฉกรรจ์
